
พศ.พร้อมตำรวจ 40 นาย บุกสำนักสงฆ์ป่าสามแยกปิดประกาศให้พระเกษมสึกภายใน 3 วัน เจอลูกศิษย์ฮือด้าน ด้าน "พระเกษม" ดื้อแพ่งไม่ยอมสึก แถมสั่งการทางวิทยุให้ลูกศิษย์ตรวจเข้มห้ามจนท.เข้าออก ลั่นไม่ออกไปพบ เชื่อเจ้าหน้าที่วางแผนรวบตัวจับสึก ขณะที่ป่าไม้ยังไม่ฟันธง "พระเกษม" รุกป่าขอพิจารณาอีกรอบข่าว
ยังคงเป็นเรื่องยืดเยื้อเหมือนหนังมหากาพย์ กรณีพระเกษม อาจิณฺณสีโส เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ เผยแพร่ภาพพฤติการณ์ไม่สำรวม พร้อมพูดท้าทายพระเถระ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ด้วยวาจากร้าวราวลงคลิปวิดีโอเว็บไซต์ยูทูบ เรื่องดังกล่าวทำให้คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ไม่สบายใจเกี่ยวกับพฤติการณ์ของพระรูปนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และทำให้พระพุทธศาสนาแปดเปื้อน กระทั่งเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเกษมอุปสมบท ออกมาประกาศว่า การกระทำของพระเกษมขัดต่อหลักการของฝ่ายสงฆ์ พร้อมมีคำสั่งให้ละสมณเพศภายใน 3 วัน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม นายอเนก สนามชัย ผู้อำนวยการส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายวิโรจน์ ไผ่ล้อม รักษาการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ต.อ.ปริญญา วิศิษฐฎากุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ต.อ.เอกสมภพ มณีรัตน์ ผกก.สภ.น้ำหนาว และพ.ต.ท.ชูชีพ สิทธิราช หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 40 นาย เดินทางไปที่วัดป่าสามแยก เพื่อยื่นหนังสือ และติดประกาศแจ้งให้พระเกษมสึกภายใน 3 วัน ตามคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี โดยมีลูกศิษย์พระเกษมที่ทราบข่าวหลายสิบคนออกมายืนรออยู่บริเวณทางเข้าสำนักสงฆ์ ส่วนพระเกษมไม่ยอมปรากฏตัวออกมารับหนังสือ แต่สั่งการทางวิทยุสื่อสารอยู่ในสำนักสงฆ์
ทั้งนี้พระเกษมสั่งการทางวิทยุสื่อสารให้ลูกศิษย์แจ้งรายละเอียดและรูปพรรณเจ้าหน้าที่แต่ละคนว่าเป็นใครมาจากไหน พร้อมแจ้งให้ผู้นำหนังสือมายื่นให้อ่านให้ฟังผ่านทางวิทยุสื่อสาร จากนั้นสั่งการทางวิทยุบอกให้เจ้าหน้าที่ทุกนายลงทะเบียนรายชื่อไว้ ไม่เช่นนั้นจะไม่อนุญาตให้เข้ามาในบริเวณสำนักสงฆ์
นายอเนก กล่าวว่า หนังสือที่นำมามอบให้พระเกษมเป็นเรื่องระหว่างสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ และพระเกษมโดยตรงไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น จึงไม่สามารถอ่านให้ผู้ใดฟังได้ ซึ่งพระเกษมต้องมาแสดงตัวต่อหน้า จึงจะอ่านให้ฟังได้ และต้องมารับหนังสือด้วยตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเจรจาครั้งนี้ใช้เวลากว่า 20 นาที พระเกษมจึงอนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้ามาภายในสำนักสงฆ์ เพื่อติดประกาศได้ ส่วนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปมีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้น เมื่อเดินเข้าไปบริเวณสำนักสงฆ์นายอเนกได้ปิดประกาศที่ศาลาการเปรียญ เพื่อแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน โดยใบประกาศมีข้อความระบุว่า คำสั่งที่ 1/2554 เรื่องขอให้พระเกษมสละสมณเพศเพราะขาดจากพระไปนาน เพราะเป็นพระไม่มีสังกัด และถือว่าเป็นพระจรจัดและขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญาชา อย่างไรก็ตาม หลังจากปิดประกาศนายอเนกได้เดินกลับออกจากสำนักสงฆ์ทันที
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอร้องให้พระเกษมออกมาพบและรับรองว่าจะไม่จับกุม แต่พระเกษมปฏิเสธที่จะออกมา พร้อมส่งเสียงวิทยุสื่อสารกับนายสำลี พุทธญาติ ลูกศิษย์คนสนิทว่า ไม่ต้องไปต่อรองพูดคุยกับตำรวจ โดยบอกว่าอย่าไปหลงเชื่อ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจับสึกแน่นอน จึงไม่ยอมขอออกมารับประกาศของเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี เพราะเจ้าหน้าที่มีแผนจะนำตัวไปสึก ซึ่งกว่าญาติโยมจะไปทำเรื่องขอประกันตัวต้องใช้เวลา อาจถูกคุมขัง 1 คืน จะทำให้ผิดวินัยสงฆ์
นายอเนกกล่าวว่า หลังจากปิดประกาศไปแล้ว 3 วัน หากพระเกษมยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจะมีมาตรการขั้นเด็ดขาด ส่วนลูกศิษย์พระเกษมที่ออกมาต่อรองนั้น ดูท่าทีแข็งกร้าว และไม่เคารพกฎหมาย ถือเป็นการไม่ให้เกียรติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะรอรับประกาศ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาขอคำชี้แจงกลับไม่ออกมารับคำสั่ง ดังนั้นถือว่าพระเกษมมีเจตนาขัดคำสั่งอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เดินทางกลับพระเกษมได้สั่งการทางวิทยุสื่อสารกับนายสำลี พุทธญาติ ลูกศิษย์คนสนิท ว่า ให้นำหนังสือไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน โดยเนื้อหามีข้อความระบุว่า ที่ผ่านมาไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอด และถูกกล่าวหาว่าไม่สำรวมนั้น การออกมาแสดงกิริยาเช่นนี้ให้สังคมได้ตื่นตัวและได้เปิดเผยความจริง เพื่อจะนำไปสู่ขบวนการสอบสวนทางพระธรรมวินัย และให้ทุกฝ่ายได้ร่วมรับรู้ตัดสินว่า สิ่งที่พระเกษมทำลงไปนั้นถูกหรือผิด
ส่วนความคืบหน้ากรณีสำนักสงฆ์ป่าสามแยกของพระเกษมปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากในพื้นที่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการผิดเงื่อนไขการใช้พื้นที่ของกรมป่าไม้ และเข้าข่ายการรุกป่านั้น
วันเดียวกัน นายชิต อินทระนก หัวหน้าศูนย์ประสานงานป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ได้มีมติให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจสอบการใช้พื้นที่อย่างละเอียด โดยวันศุกร์ที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจจับพิกัด ถ่ายภาพสิ่งปลูกสร้างทุกหลังพร้อมลงรายละเอียด ซึ่งรายงานข้อมูลทั้งหมดไปยังผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 นครสวรรค์แล้ว คาดว่าจะได้บทสรุปในเร็วๆ นี้
“การตรวจสอบครั้งนี้ พบว่ามีสิ่งก่อสร้างกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก มีทั้งขนาดเล็ และขนาดใหญ่กว่า 60 หลัง ซึ่งได้ทำข้อมูลชี้แจงไปที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 นครสวรรค์แล้วว่า เข้าข่ายผิดเงื่อนไขของโครงการที่ห้ามก่อสร้างอาคารถาวร และส่งข้อมูลรายละเอียดจัดทำเป็นรายงานเสนอต่อสำนักให้เป็นผู้พิจารณาว่าจะให้ดำเนินการต่อไปอย่างไร หากสำนักลงความเห็นว่าผิดจริง จึงจะสามารถดำเนินงานตามขั้นตอน เบื้องต้นคงต้องยกเลิกหนังสือสำคัญร่วมโครงการ จากนั้นจึงส่งหนังสือแจ้งยกเลิกโครงการให้พระเกษมสัญญา แต่หากขัดขืนคำสั่งจึงจะใช้อำนาจทางกฎหมาย” นายชิตกล่าว
คมชัดลึก
เข้าชม : 51171
|